โครงงานบูรณาการ 8 กลุ่มสาระ 1 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
เรื่อง ขนมเส่งเผ่ฮาละหว่า ของชาวอำเภอแม่สอด
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
มาตรฐาน ท 2.1 ม.2/5 เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า
มาตรฐาน ท 5.1 ม. 2/4 สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่าน
สมาชิกดำเนินงาน
1. เด็กชายปรายแสง ศรีงาม ม.2/2 เลขที่ 1
3. เด็กชายศุภชัย อินต๊ะ ม.2/2 เลขที่ 13
4. เด็กหญิงณาณี แสงช้าง ม.2/2 เลขที่ 29
หลักการบูรณาการ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
เรื่อง ขนมเส่งเผ่ฮาละหว่า
ในยุคนี้ประเทศไทยเรารับวัฒนธรรมจากต่างชาติไว้มากมาย
ทั้งด้านวัฒนธรรม ศาสนา การแต่งกาย การพูด รสนิยมต่างๆ
และอาหาร พอเราพูดถึงอาหารก็จะคิดได้เลยว่าไทยเรารับเอาแต่ของต่างชาติมากเกินไป
จนไม่ได้คิดถึงขนมและอาหารของไทยบ้าง
เส่งเผ่และฮาละหว่าก็เป็นหนึ่ในขนมที่กำลังจะหายด้วย
ก่อนที่จะอนุรักษ์ต้องทำความรู้จักมันก่อน
เส่งเผ่
และฮาละหว่า เป็นชื่อของขนมหวานที่มาจากประเทศพม่า "เส่งเผ่"
มีลักษณะคล้ายขนมข้าวเหนียวแดง ที่ทำจากข้าวเหนียว น้ำอ้อย กะทิ
ต่างกันตรงหน้าเส่งเผ่จะราดด้วยหัวกะทิแล้วปิ้ง หรือ อบหน้าจนเกรียม รสชาติหวานมัน
ส่วน "ฮาละหว่า" ตัวขนมทำจากแป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย กะทิ เมล็ดสาคูเล็ก
หน้าขนมทำเช่นเดียวกับเส่งเผ่ มีรสชาติหวานมัน แม่ค้าจะทำขนมนี้บรรจุในถาดกลม
และตัดขายเป็นชิ้นเล็ก ๆ มีขายในตลาดสดเทศบาล อำเภอแม่สอด ขนมเหล่านี้อาจมีขายเพียงที่เดียวในประเทศ
จึงไม่ค่อยมีใครรู้ชื่อขนมนี้ แต่ถ้ารู้จักก็คงชื่นชอบมากๆ
เพราะความหวานและหอมของกะทิ ซึ่งถ้ารับประทานมากเกินก็จะเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน
โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ชอบความหวานของขนมนี้ ก็จะทานมา ซึ่งก็จะอยู่ในกลุ่มเสี่ยง
และเมื่อทานเสร็จควรออกกำลังกายเพื่อสุขภาพด้วย เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงและไม่เสี่ยงต่อโรคเบาหวานที่ตามมา
ขนมนี้เป็นขนมที่มีคุณค่าทางโภชนาการดี
มีความอร่อย หอมกะทิ แต่ถ้าทานมากๆ ก็ไม่ดี ควรรับทานแต่พอควร
ซึ่งขนมชนิดนี้แทบจะสาบสูญไปเสียแล้ว
เราคนยุคใหม่จึงควรอนุรักษ์ขนมชนิดนี้ไว้ตลอดไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น